“ใบบัวบก” สมุนไพรที่มากกว่า แก้ฟก ช้ำ บวม

ใบบัวบก สารสกัดใบบัวบก: งานวิจัย ขนาดรับประทาน อย.ไทย และความปลอดภัย

ใบบัวบก & สารสกัดใบบัวบก: งานวิจัย ขนาดรับประทานตาม อย.ไทย และความปลอดภัย

1. ใบบัวบกคืออะไร? สารสำคัญที่งานวิจัยพูดถึง

ใบบัวบก (Centella asiatica (L.) Urb.) หรือ gotu kola / Asiatic pennywort เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่ใช้ทั้งเป็น “ผัก–น้ำสมุนไพร” และ “ยา/ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร” ในหลายประเทศ

สารสำคัญหลักอยู่ในกลุ่ม

  • pentacyclic triterpenoid saponins เช่น

    • asiaticoside, madecassoside

  • และกรด triterpenoid เช่น

    • asiatic acid, madecassic acid

กลุ่ม triterpenoids เหล่านี้เป็นตัวการหลักที่ให้ฤทธิ์ สมานแผล ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ และออกฤทธิ์ต่อเซลล์ผิวหนัง–หลอดเลือด ตามงานทบทวนทางเภสัชวิทยาและเวชศาสตร์ผิวหนังหลายฉบับ PMC+1


2. กลไกและหลักฐานด้าน “แผล–ผิวหนัง–หลอดเลือดฝอย”

2.1 กลไกสำคัญ

งานทบทวนและรายงานของหน่วยงานยุโรป (EMA) ระบุว่า สารสกัดใบบัวบกที่ถูกทำให้มาตรฐาน (เช่น titrated extract / total triterpenic fraction หรือ TECA/TTFCA) มีฤทธิ์หลัก ๆ ดังนี้ (European Medicines Agency (EMA))

  • กระตุ้นการสร้าง คอลลาเจนและสารระหว่างเซลล์ ในผิวหนัง
  • กระตุ้นการสร้างเส้นเลือดฝอยใหม่ (angiogenesis อย่างเหมาะสม)
  • ลดการอักเสบ และลด oxidative stress
  • ปรับสมดุลการไหลเวียนในระดับ microcirculation

2.2 หลักฐานในคน (ตัวอย่างสำคัญ)

  1. โรคหลอดเลือดดำไม่พอเรื้อรัง (CVI)
    • ใช้สารสกัดมาตรฐานใบบัวบก (เช่น TTFCA) ขนาด 60–120 mg/วัน
    • พบว่า ลดอาการขาบวม หนักขา ปวดตึง และปรับตัวชี้วัด microcirculation ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในหลายการศึกษาแบบสุ่มควบคุม
  2. แผลเรื้อรัง–แผลผ่าตัด–แผลไฟไหม้/ลวก
    • ใช้ครีมหรือแผ่นปิดแผลที่มีสารสกัดใบบัวบก (TECA 1–2%) ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ลดการหนาและแข็งของแผลเป็น และปรับลักษณะแผลให้เรียบขึ้นในงานวิจัยและรายงานเวชปฏิบัติหลายฉบับ (European Medicines Agency (EMA))

สรุป:
สำหรับ “แผล–หลอดเลือดดำที่ขา–ผิวหนัง” หลักฐานในคนค่อนข้างชัด โดยเฉพาะเมื่อใช้ “สารสกัดมาตรฐาน” ไม่ใช่แค่กินผักหรือน้ำคั้นแบบทั่วไป


3. ใบบัวบกกับ “การปกป้อง DNA / ความเสี่ยงเซลล์กลายพันธุ์”

3.1 งานวิจัยด้าน antigenotoxic / antimutagenic

  1. เซลล์เม็ดเลือดมนุษย์ในหลอดทดลอง
    • สารสกัดใบบัวบกช่วย ลดความเสียหายของโครโมโซม ในเซลล์เม็ดเลือดขาวมนุษย์ ที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยสารก่อกลายพันธุ์ (ฮอร์โมนสังเคราะห์บางชนิด) (European Medicines Agency (EMA))
  2. Ames test และการทดสอบในพืช/สัตว์
    • สารสกัดใบบัวบกแสดง ฤทธิ์ต้านการกลายพันธุ์ ในการทดสอบด้วยเชื้อแบคทีเรียและโมเดลอื่น ๆ โดยไม่ก่อพิษต่อ DNA เองในระดับความเข้มข้นที่ทดลอง (European Medicines Agency (EMA))
  3. ฤทธิ์ต้านมะเร็งในระดับก่อนคลินิก
    • สารเดี่ยวอย่าง asiaticoside, asiatic acid ยับยั้งการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งหลายชนิด และกระตุ้น apoptosis (การตายแบบมีโปรแกรม) ใน cell lines หลายชนิด เช่น มะเร็งเต้านม ลำไส้ใหญ่ ผิวหนัง ฯลฯ (PMC)

แปลความตรงไปตรงมา:

  • หลักฐานใน หลอดทดลอง/สัตว์ทดลอง ชี้ว่ามีศักยภาพ “ปกป้อง DNA และต้านการกลายพันธุ์”
  • แต่ ยังไม่มีงานวิจัยระยะยาวในคน ที่พิสูจน์ว่า “กินหรือทาใบบัวบกแล้วลดอุบัติการณ์มะเร็ง” ได้แน่ชัด
  • ดังนั้น ห้าม เคลมในเชิง “รักษา/ป้องกันมะเร็ง” แต่สามารถสื่อว่า มีข้อมูลสนับสนุนด้าน antioxidant และ antigenotoxic ในระดับก่อนคลินิก

4. รูปแบบผลิตภัณฑ์: ใบสด vs ผง vs สารสกัดมาตรฐาน

4.1 ใบบัวบกทั้งใบ (สด / น้ำคั้น / ชงชา)

  • ใช้เป็นผักหรือน้ำสมุนไพรในอาหารเอเชียมายาวนาน
  • ปริมาณสาร triterpenoid แตกต่างกันมากตามพันธุ์ แหล่งปลูก และวิธีเก็บ/แปรรูป
  • งานวิจัยในไทยพบว่า ใบแห้งจากหลายแหล่งมี total triterpenoids ราว 1.2–2.8% w/w (SWU eJournals)

4.2 ผงบดบรรจุแคปซูล (ไม่มาตรฐาน)

  • มักระบุบนฉลากเป็น “ผงใบบัวบก 400–500 mg/แคปซูล”
  • ใช้เป็นอาหารเสริมบำรุงทั่วไป แต่ ไม่รู้ปริมาณ triterpenoids ที่แน่นอน

4.3 สารสกัดมาตรฐาน (TECA / TTFCA / ECa 233)

  • สารสกัดที่ควบคุมให้มี triterpenoid สี่ตัวหลัก ในช่วงค่าที่กำหนด
  • WHO และ USP แนะนำว่า สารสกัดคุณภาพดีควรมี madecassoside + asiaticoside ≥ 2% w/w (SWU eJournals)
  • งานทบทวนระหว่างประเทศรายงานว่า โดสที่ใช้บ่อยสำหรับยาสมุนไพร อยู่ที่ 60–120 mg/day ของสารสกัดมาตรฐาน (คิดเป็น triterpenoids ตามสัดส่วนของแต่ละยี่ห้อ) (PMC)

5. ขนาดรับประทานจาก “องค์การอนามัยโลก” เทียบกับ “อย. ไทย”

5.1 WHO / งานวิจัยต่างประเทศ

งาน systematic review รายงานว่า WHO แนะนำช่วงการใช้ใบบัวบก ดังนี้ (PMC)

  • สารสกัดใบบัวบก ประมาณ
    • 330–680 mg ของสารสกัด วันละ 3 ครั้ง
    • รวมทั้งวัน ~990–2040 mg/day (ขึ้นกับสูตรและสารสำคัญ)
  • สารสกัดมาตรฐาน (สำหรับโรคหลอดเลือดดำ/แผล) มักใช้
    • 60–120 mg/day ของ TECA/TTFCA เป็นระยะ 4–8 สัปดาห์

หมายเหตุ:
WHO พูดถึงการใช้ “ในฐานะยาสมุนไพร” (herbal medicine)
→ เป็นบริบท ยา ไม่ใช่ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตามกฎหมายไทย


5.2 ข้อกำหนดของ อย. ไทย: “ปริมาณสูงสุดที่ไม่ให้เกิน”

ประกาศ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เรื่อง รายชื่อพืชที่ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ระบุรายการ Centella asiatica (บัวบก) ไว้ชัดเจนว่า

ชื่อวิทยาศาสตร์: Centella asiatica (L.) Urb.
ชื่อสามัญไทย: บัวบก
ส่วนที่ใช้: ใบ
สารสำคัญ: triterpenoid compounds (asiatic acid, asiaticoside ฯลฯ)
กรรมวิธี: บดผง / สกัดด้วยน้ำ / สกัดด้วยน้ำและเอทานอล
เงื่อนไขสำคัญ:
👉 “ปริมาณไตรเทอพีน ไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน”

ตีความเชิงปฏิบัติ

  • ตัวเลข 20 mg/วัน คือ “ปริมาณรวมของ triterpenoids” (สารออกฤทธิ์)
  • ไม่ใช่ปริมาณ “ผงสมุนไพร” หรือ “น้ำหนักสารสกัด” ตรง ๆ
  • ถ้าใบแห้งทั่วไปมี triterpenoids ~1.5–2.5% w/w ตามงานวิเคราะห์ในไทย (SWU eJournals)
    • 20 mg triterpenoids ≈ 800–1300 mg ใบแห้ง (โดยประมาณ)

ข้อสรุปสำคัญในมุม “อาหารเสริมตาม อย.”

  • ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใบบัวบกในไทย ต้องออกแบบสูตรให้ ปริมาณ triterpenoids รวมต่อวัน ≤ 20 mg
  • ผู้บริโภคจึงควร
    • กิน ตามฉลาก
    • ไม่ “เพิ่มเม็ดเอง” จนเกินจากที่ระบุ ถ้าไม่แน่ใจว่าปริมาณ triterpenoids เท่าไหร่

6. ตัวอย่าง “ช่วงโดสที่เหมาะสม” สำหรับใช้เป็นแนวทาง (ภายใต้ อย. ไทย)

ไม่ใช่ใบสั่งยา เป็น “กรอบให้เขียนอธิบายในเว็บ/สไลด์” ได้อย่างปลอดภัย
และ ต้องย้ำเสมอว่าให้ยึดตามฉลากผลิตภัณฑ์ + ปรึกษาแพทย์/เภสัชกร

6.1 รูปแบบใบแห้ง/ผงแคปซูล

  • ถ้าใช้ผงใบบัวบก (ไม่สกัด) ที่มี triterpenoids ~1.5–2.0% w/w
  • การกิน ผงใบแห้ง ~500–1000 mg/วัน (เช่น 500 mg วันละ 1–2 แคปซูล)
    • จะให้ triterpenoids ประมาณ 7.5–20 mg/day
    • ยังอยู่ในเกณฑ์ไม่เกิน 20 mg/day ตาม อย.
  • เหมาะใช้เป็น “อาหารเสริมบำรุงทั่วไป” ระยะสั้น 4–8 สัปดาห์ แล้วประเมินซ้ำ

6.2 รูปแบบสารสกัดมาตรฐาน (TECA/TTFCA)

  • สมมติสารสกัดมี total triterpenoids ~40% w/w (ตัวเลขที่ใช้กันในตำรา TECA) (European Medicines Agency (EMA))
    • ถ้าอย. จำกัด triterpenoids ≤ 20 mg/day
    • จะเทียบได้คร่าว ๆ ว่า TECA/TTFCA ≈ 50 mg/day คือเพดานบนของ “อาหารเสริม” ในไทย
  • ดังนั้น ในเว็บสามารถเขียนได้ว่า

“ในบริบทผลิตภัณฑ์เสริมอาหารของไทย แนะนำให้เลือกผลิตภัณฑ์สารสกัดใบบัวบกที่ออกแบบให้ปริมาณ triterpenoid รวมต่อวัน ไม่เกิน 20 mg (เช่น สารสกัดมาตรฐาน ~40% triterpenoids ประมาณ 50 mg/วัน) และควรกินตามคำแนะนำบนฉลากเท่านั้น ไม่เพิ่มขนาดยาเอง”

6.3 น้ำคั้น/ผักสดในมื้ออาหาร

  • ในฐานะ “อาหาร/น้ำสมุนไพร” เช่น น้ำใบบัวบก 1 แก้ว/วัน หรือกินเป็นผักในมื้ออาหาร
  • ปริมาณ triterpenoids โดยทั่วไปไม่สูงเท่ารูปแบบสารสกัดเข้มข้น และไม่ได้อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโดยตรง
  • แนะนำเขียนในเว็บว่า

“น้ำใบบัวบกหรือผักสดในอาหาร 1 แก้วหรือ 1–2 กำมือ/วัน โดยเลือกแหล่งปลูกที่น่าเชื่อถือ สะอาด ปลอดสารเคมี จัดว่าใช้ในระดับ ‘อาหาร’ มากกว่าการใช้เพื่อการรักษาโรค”


7. ความปลอดภัยและผลข้างเคียง

7.1 ผลข้างเคียงที่พบได้

จาก LiverTox, systematic review และรายงานเคส (NCBI)

  • ทางเดินอาหาร: คลื่นไส้ ท้องเสีย ท้องอืด พบได้บ้างโดยเฉพาะโดสสูง
  • ระบบประสาท: ง่วง ซึม หรือเวียนศีรษะในบางราย
  • ผิวหนัง (ใช้ภายนอก/ครีม): ผื่นแดง คัน แสบร้อน และมีรายงาน contact dermatitis จากใบบัวบก เล็กน้อยในบางคน (Cir Safety)

7.2 ตับอักเสบจากใบบัวบก (พบไม่บ่อย แต่ต้องพูดไว้)

  • มีรายงานผู้ป่วยหญิง 3 ราย ที่เกิด ภาวะตับอักเสบ ดีซ่าน หลังจากกินผลิตภัณฑ์ใบบัวบก 20–60 วัน โดยค่าการทำงานของตับสูงผิดปกติอย่างชัดเจน (PubMed)
  • LiverTox สรุปว่าเป็น idiosyncratic liver injury คือ เกิดได้ในคนส่วนน้อยมากและคาดว่าเกี่ยวกับปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันต่อสารในสมุนไพร (NCBI)

จุดที่ควรเขียนเตือนในบทความ

  • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใบบัวบก ต่อเนื่องเกิน 6–8 สัปดาห์ โดยไม่มีการประเมินซ้ำ
  • หากมีอาการตาเหลือง ตัวเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม คันตัว เบื่ออาหาร หรืออ่อนเพลียผิดปกติ ต้อง หยุดผลิตภัณฑ์และพบแพทย์ทันที

7.3 กลุ่มที่ควรระวังเป็นพิเศษ

ในเว็บสามารถระบุเป็น bullet ได้เลย เช่น

  • ผู้ที่มี โรคตับ/โรคไตเรื้อรัง
  • ผู้ที่ใช้ยาอื่นจำนวนมาก โดยเฉพาะยาที่
    • มีพิษต่อตับ
    • ยานอนหลับ ยาคลายกังวล (เพราะใบบัวบกบางรายทำให้ง่วงเพิ่มขึ้น)
  • หญิงตั้งครรภ์ / ให้นมบุตร / เด็ก – ข้อมูลความปลอดภัยยังจำกัด หลายแหล่งแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Verywell Health)

8. เขียนสรุปใช้งานได้จริง (ย่อหน้าเดียวสำหรับวางท้ายบทความ)

สรุป: ใบบัวบก (Centella asiatica) เป็นสมุนไพรที่มีหลักฐานวิจัยระดับนานาชาติรองรับด้าน “การสมานแผลและการไหลเวียนในหลอดเลือดฝอย” โดยเฉพาะเมื่อใช้ในรูปแบบสารสกัดมาตรฐานที่ควบคุมปริมาณ triterpenoid ส่วนฤทธิ์ “ปกป้อง DNA และต้านการกลายพันธุ์” พบชัดในงานวิจัยระดับห้องปฏิบัติการและสัตว์ทดลอง แต่อย่างไรก็ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะสรุปว่าช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งในมนุษย์โดยตรง สำหรับประเทศไทย อย. จำกัดการใช้ใบบัวบกในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไม่ให้มีปริมาณสาร triterpenoid เกิน 20 มิลลิกรัมต่อวัน ผู้บริโภคจึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐาน กินตามฉลาก ไม่เพิ่มขนาดเอง และหลีกเลี่ยงการใช้ต่อเนื่องระยะยาวโดยไม่ปรึกษาแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคตับ โรคไต หรือต้องใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน


 

  1. Arribas-López E, et al. A systematic review of the effect of Centella asiatica on wound healing. รายงานช่วงโดสที่ WHO แนะนำ (330–680 mg extract วันละ 3 ครั้ง) และสรุปการใช้ในแผลและผิวหนัง. (PMC)
  2. Gohil KJ, et al. Pharmacological review on Centella asiatica: สรุปกลไก triterpenoids, การใช้ด้านระบบประสาท และโดสมาตรฐาน 60–120 mg/day. (PMC)
  3. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา. ประกาศรายชื่อพืชที่ใช้ได้ในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร – บัวบก (Centella asiatica) กำหนดปริมาณ triterpenoids ไม่เกิน 20 mg/วัน.
  4. Sritongkul N, et al. Thai Pharm Health Sci J. 2025. รายงานปริมาณ triterpenoids ในวัตถุดิบใบบัวบกจากแหล่งปลูกต่าง ๆ ในประเทศไทย (เฉลี่ย ~1.2–2.8% w/w) และคุณภาพตามเกณฑ์ Thai Herbal Pharmacopoeia. (SWU eJournals)
  5. EMA. Assessment report on Centella asiatica (L.) Urb., herba. รายงานกลไกการออกฤทธิ์ การใช้ในหลอดเลือดดำไม่พอ (CVI) และข้อมูล antimutagenic. (European Medicines Agency (EMA))
  6. Cosmetic Ingredient Review (CIR). Safety assessment of Centella asiatica-derived ingredients used in cosmetics: ข้อมูลด้านความปลอดภัย และรายงาน contact dermatitis จากครีมใบบัวบก. (Cir Safety)
  7. LiverTox / Jorge OA, Jorge AD. Hepatotoxicity associated with the ingestion of Centella asiatica: รายงานเคสตับอักเสบจากการกินใบบัวบกในคน. (NCBI)
  8. Verywell Health. What Is Centella asiatica and How Does It Benefit Your Skin? รีวิวสำหรับประชาชนทั่วไปที่สรุปสรรพคุณด้านผิวหนัง โดสโดยประมาณ และเตือนเรื่องความเสี่ยงต่อตับและการใช้เกิน 6 สัปดาห์. (Verywell Health)